Dropship ดรอปชิบคืออะไร

Dropship คืออะไร?

Dropship

คือ การนำสินค้าของคนอื่นมาขาย โดยเราสามารถบวกกำไรเข้าไปอยู่ในสินค้านั้น ๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องส่งสินค้าหรือประกันสินค้าใด ๆ ว่าง่าย ๆคือเราไปเป็นตัวกลาง โดยนำสินค้าของเจ้าของโรงงานไปขายนั่นเอง

สำหรับการขายของออนไลน์นั้นก็เหมือนกับการขายของทั่วไป คือต้องมีการสั่งซื้อแล้วทำการจัดส่งไปยังผู้ซื้อ แน่นอนว่าผู้ขายหลายคนอาจจะไม่มีความชำนาญด้านการขาย หรือว่าอาจจะไม่มีเวลาจัดการเรื่องนี้ แต่การที่ให้นักดรอปชิป หรือดรอปชิปเปอร์ (Dropshipper) ทำการหาลูกค้าให้ ก็เป็นเรื่องที่ช่วยแบรนด์หรือร้านค้าหรือแม่ค้าขายส่งหลายคนชอบทำในปัจจุบัน เพราะไม่ต้องไปปวดหัว หมดเวลาไปกับการหาทำเลหรือเว็บที่ดี การลงมือทำการตลาด เจาะกลุ่มลูกค้าด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการค้าขายใน Amazon eBay Shopee Lazada หลายคนอาจจะสงสัยว่าจะทำดรอปชิปปิ้ง(Dropshipping) อย่างไร?

คำตอบ คือ เหมือนการขายของทั่วไปนั้นล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าคนกลาง หรือว่านายหน้าขายที่ดิน ก็ทำวิธีคล้ายกันกับการทำดรอปชิป Dropship เลย หมายความว่า นักดรอปชิปจะเป็นผู้ติดต่อผู้ขายว่าจะขายในราคาเท่าไร จากนั้นเราก็ไปประกาศขาย หรือว่าเสาะหากลุ่มลูกค้า พอเราได้พบกับลูกค้าแล้ว นักดรอปชิปก็จะเสนอราคาขาย นักดรอปชิปจะบวกกำไรในราคาที่ผู้ขายให้มา จะได้รับเงินส่วนของตัวเองหากขายสำเร็จ ก็จะได้กำไร คือเงินส่วนต่างจากราคาที่เราได้จากผู้ขาย และราคาขายที่ผู้ซื้อจ่าย แล้วเราก็ส่งข้อมูลผู้ซื้อไปให้ผู้ขาย ทำการจัดส่งไปให้กับผู้ซื้อเลย โดยที่นักดรอปชิป ไม่ต้องรอสินค้ามา และไปส่งเอง หากนักดรอปชิปที่มีประสบการณ์จะขายได้ง่ายขึ้น ลูกค้าอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าเป็นการขายแบบดรอปชิป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถ และมีความเข้าใจในพฤติกรรมผู้ซื้อ ของดรอปชิปเปอร์ล้วนๆ

ขั้นตอนของการ Dropship มีดังนี้

1. เริ่มค้นหาสินค้า หรือหาผู้ให้บริการ Dropship ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ตาม dhgate.com, lightinthebox.com, alibaba.com

2. เสนอตัวเอง เพื่อเป็นตัวแทนในการขาย และทำการ copy รูปภาพ รายละเอียดสินค้า โดยอาจจะเปิดเว็บไซต์หรือโฆษณาผ่านช่องทางการตลาดต่าง ๆ เพื่อทำการขายสินค้านั้น ๆ

3. เมื่อขายได้ ให้ลูกค้าโอนเงินมาที่เรา และเราจะโอนเงินไปให้เจ้าของโรงงาน เพื่อสั่งของที่ลูกค้าของเราซื้อ โดยเราไม่จำเป็นต้องรับประกันคุณภาพสินค้าด้วยตนเอง แต่คุณจะได้รับการยอมรับมากขึ้น หากต้องการสร้างความประทับใจให้กับทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย ถ้าปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย ที่นักดรอปชิปนั้นพอจะแบกรับเอาไว้เองได้

4. พยายามอัพเดตสินค้าใหม่ ๆ เพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากจุดเด่นของ Dropship คือความหลากหลายของสินค้าที่จะสามารถขายได้

ข้อดี

– ไม่จำเป็นต้องลงทุน มีสินค้าให้เลือกมากมาย

– ฐานข้อมูลลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆทำให้ง่ายต่อการทำธุรกิจใหม่ ๆในอนาคต

– ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในสินค้านั้น ๆ ไร้ความเสี่ยงในการเริ่มต้นธุรกิจ

– ประหยัดเวลาการทำธุรกิจ เพราะมีรูปภาพ รวมถึงข้อมูลเรียบร้อยแล้ว

– ไม่ปวดหัวกับการโดนโรงงานหักหลัง โดยเราสามารถเลือกใช้บริการเฉพาะ Dropship มืออาชีพ

ข้อเสีย

– ธุรกิจเล็ก ไม่สามารถทำเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้ เพราะยิ่งทำ คนอื่นยิ่งโต

– เป็นไปได้สูงที่เจอ Dropship หักหลัง เนื่องจาก Dropship ที่เวิร์คมาก ๆส่วนใหญ่จะอยู่ประเทศจีน ดังนั้น มาตราฐานของประเทศจีนจะค่อนข้างต่ำและอาจจะเสียลูกค้าได้

– การเข้าถึงของคู่แข่งง่ายเกินไป เพราะใคร ๆก็เริ่มต้นธุรกิจได้

– สินค้าบางส่วนทำตลาดไม่ได้จริง เนื่องจากต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้เราไม่สามารถแข่งขันราคาได้ ดังนั้นต้องมีความเชี่ยวชาญในการทำเป็นพิเศษ โดยอาจจะเลือกสินค้าที่มีคู่แข่งต่ำหรืออาจจะเน้นการทำตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่งทำให้เราสามารถขายได้มากกว่า

Exit mobile version